Key Highlights
- AI Agents เครื่องมือใหม่ที่ทำงานอัตโนมัติ ไม่ได้เพียงแค่รับคำสั่งและตอบคำถามเหมือน Generative AI ทั่วไป แต่มันสามารถคิด วางแผน และตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างอิสระและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- AI Agent สามารถเรียนรู้จากพฤติกรรมมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหา เช่น การใช้เหตุผล วางแผน และติดตามผล ซึ่งจะช่วยพัฒนาให้มันแก้ปัญหาและทำงานได้ดีขึ้นในสถานการณ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
- AI Agent สามารถนำมาใช้เพื่อทำงาน ทำธุรกิจ ไปจนถึงการวางแผนการลงทุน และวางแผนเที่ยวได้ ช่วยให้ทุกสิ่งที่ทำมีประสิทธิภาพสูงสุด และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิต
AI Agent กำลังเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่หลายคนในวงการคาดการณ์ว่ามันมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจหลายประการ มันไม่ใช่แค่ AI ที่รับคำสั่งและตอบคำถาม แต่ประสิทธิภาพอันทรงพลังของมันยังครอบคลุมถึงความสามารถในการคิด วางแผน และทำงานได้อย่างอิสระ ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานประจำวันได้อย่างมหาศาล
นำมาสู่การคาดการณ์ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ AI Agent จะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและชีวิตประจำวันไปสู่ความสำเร็จ มากกว่า Generative AI เสียอีก
ในงาน SCBX Unlocking AI Ep.12 – Agentic AI: A New Era of Autonomy คุณอวยชัย บูรณมานิต Cloud Solution Architect จาก Microsoft Thailand มาบรรยายเรื่อง Demystifying AI Agent เพื่อนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการทำงานของ AI Agent และการนำไปประยุกต์ในการทำงานยุคใหม่ เป็นพันธมิตรคู่คิดสำหรับการสร้างระบบที่ทำงานได้อย่างอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
หากใครพลาดการบรรยายหัวข้อนี้ไป SCBX สรุปสาระสำคัญมาให้อ่านกันแล้วดังต่อไปนี้
รู้จัก AI Agent สมองกลอัจฉริยะยุคใหม่
คุณอวยชัยเริ่มจากการอธิบายความหมายของ AI Agent ให้ทุกคนในงาน โดยเฉพาะคนที่อาจไม่เคยรู้จักมันมาก่อนว่า มันหมายถึงโปรแกรมหรือระบบที่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างอิสระและทำงานได้ภายใต้ข้อมูลที่มีอยู่
ดูเผินๆ มันเหมือนจะไม่ต่างอะไรจาก GenAI ที่เราทุกคนรู้จักกันดี อย่างไรก็ตาม AI Agent จะไม่ได้จำกัดเพียงแค่การรับคำสั่งแบบง่ายๆ แต่ทีเด็ดคือมันสามารถ “คิด” และ “วางแผน” ทำสิ่งต่างๆ ได้เอง ผ่านการวิเคราะห์เหตุการณ์และปฏิบัติงานตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ดังนั้น AI Agent จึงถือเป็นตัวช่วยชั้นดีในการค้นหาข้อมูลต่างๆ เช่น ช่วยวางแผนชีวิต หรือแม้แต่ช่วยวางแผนการลงทุนได้ หากเราขอข้อมูลจากมันว่าหากมีเงินจำนวนหนึ่ง เราจะสามารถซื้อกิจการบริษัทใหญ่ระดับโลก NVIDIA, Apple และ Microsoft ได้หรือไม่ ไม่เพียงมันจะคำนวณออกมาให้เสร็จศัพท์ว่าได้หรือไม่ได้ แต่ยังบอกด้วยว่าในกรณีที่ไม่ได้ เราจะต้องทำอย่างไรต่อ เช่น เพิ่มจำนวนเงินเท่าไหร่ จึงจะเพียงพอต่อการซื้อกิจการบริษัทใหญ่เหล่านี้
How to Solve It สไตล์มนุษย์
AI ทุกประเภทต้องการข้อมูลเพื่อพัฒนาตนเองให้ฉลาดขึ้น AI Agent ก็ไม่ต่างกัน การจะทำให้มันเก่งกาจพอ นอกจากจะให้ข้อมูลมันแล้ว คุณอวยชัยยังบอกอีกว่า เราต้องพัฒนามันให้มีความสามารถที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการแก้ปัญหาด้วย
คุณอวยชัยยกตัวอย่างว่า เราสามารถนำแนวคิดจากหนังสือ How to Solve It มาใช้กับ AI ได้ หนังสือเล่มนี้อธิบายว่ามนุษย์เวลาเจอโจทย์ยากๆ ซับซ้อน ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร โดยหลักแล้วมี 3 ขั้นตอน ดังนี้
- การใช้เหตุผล (Reasoning): มนุษย์จะวิเคราะห์ปัญหาโดยใช้ตรรกะและความรู้ที่มี เพื่อตัดสินใจว่าควรแก้ไขอย่างไร
- การวางแผน (Planning): เมื่อเข้าใจปัญหาแล้ว มนุษย์จะวางแผนล่วงหน้าถึงขั้นตอนที่จะดำเนินการ รวมถึงการเลือกทรัพยากรที่จะใช้
- การจำและติดตามผล (Memory and Tracking): มนุษย์มีการจดจำและติดตามผลลัพธ์ของการแก้ปัญหา เพื่อปรับแผนในอนาคต
คุณอวยชัยอธิบายต่อว่า จากกระบวนการแก้ปัญหาของมนุษย์ข้างต้น AI สามารถนำมาเป็นแนวทางการพัฒนา โดยเรียนรู้จากตัวอย่างและการปรับปรุงการทำงานเมื่อเจอข้อผิดพลาดได้ ตัวอย่างดังต่อไปนี้
- การแบ่งปัญหาออกเป็นส่วนย่อย (Problem Breakdown): เมื่อเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อน AI สามารถเรียนรู้จากมนุษย์ในการแบ่งปัญหาออกเป็นส่วนเล็กๆ และแก้ไขทีละส่วน
- การวางแผนเป็นขั้นตอน (Step-by-Step Planning): AI สามารถวางแผนและติดตามผลตามขั้นตอนที่กำหนดไว้เหมือนกับมนุษย์ที่มีการวางแผนการทำงานในแต่ละวัน
- การใช้ตัวอย่างจากปัญหาคล้ายกัน (Problem Analogy): AI เรียนรู้ที่ว่าจะนำปัญหาที่เคยเจอและแก้ไขมาเป็นแนวทางในการรับมือกับปัญหาใหม่ๆ อย่างไร ซึ่งช่วยให้แก้ปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
การเรียนรู้พฤติกรรมของมนุษย์ คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ AI สามารถเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาให้ฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยมนุษย์แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามมา
การประยุกต์ใช้ AI Agent แก้ปัญหาในชีวิตจริง
การมี AI Agent เพียงแค่ตัวเดียวก็ช่วยให้ชีวิตคนเราดีขึ้นได้หลายประการ แต่ลองจินตนาการว่าเรามี AI Agent หลายตัวคอยช่วยเหลือเราล่ะ มันคงจะดีไม่น้อยเลยจริงไหม และมันไม่ใช่เรื่องไกลเกินตัวอีกต่อไป เพราะล่าสุด Microsoft พัฒนา Open Source ชื่อ AutoGen ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถรวมเอา AI Agent หลายตัวมาทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้
คุณอวยชัยยกตัวอย่างว่า ถ้าเราต้องการวางแผนเที่ยว เราสามารถเอา AI Agent มาช่วยวางแผนได้ โดยเราต้องกำหนดบทบาทของ Agent แต่ละตัวให้ชัดเจน ว่าตัวไหนทำหน้าที่อะไร มีความถนัดหรือความเชี่ยวชาญอะไร เช่น Agent ตัวแรกถนัดเรื่องการคำนวณ การวางแผน อีกตัวมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพื้นที่ที่จะไปเที่ยว และอีกตัวเข้าใจเรื่องภาษาของพื้นที่นั้น
พอมันทำงานร่วมกัน ผ่านการรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเข้าด้วยกัน จะช่วยให้เราสามารถวางแผนเที่ยวได้ทั้งเส้นทางการเดินทางและสถานที่กินอาหารอย่างเป็นระบบ
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ลองจินตนาการว่า หากเราสามารถนำไปใช้ในทางธุรกิจเพื่อยกระดับองค์กร สร้างยอดขาย สร้างการเติบโตได้ มันจะน่าทึ่งเพียงใด
บทสรุป
AI Agent ถือเป็นก้าวใหม่ของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตอบสนองและทำงานได้อย่างอัตโนมัติ ไม่ใช่แค่การตอบคำถามพื้นฐาน แต่ยังสามารถแก้ปัญหาซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ AI Agent ไม่ได้ถูกพัฒนาเพื่อแทนที่มนุษย์แต่อย่างใด มันเพียงแค่ช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงาน ช่วยให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่การตัดสินใจและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ได้มากขึ้น
ในอนาคต AI Agent จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานในหลากหลายวงการ ตั้งแต่ธุรกิจ การเดินทาง ไปจนถึงการศึกษา ช่วยให้ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน