SCB 10X: โลกกำลังเปลี่ยนไปด้วยเทคโนโลยีทั้ง AI และบล็อกเชน Web 3.0 มีอะไรที่เราต้องรู้และอะไรที่ต้องปรับตัว?

: SCB 10X: โลกกำลังเปลี่ยนไปด้วยเทคโนโลยีทั้ง AI และบล็อกเชน Web 3.0 มีอะไรที่เราต้องรู้และอะไรที่ต้องปรับตัว?

SCB 10X: โลกกำลังเปลี่ยนไปด้วยเทคโนโลยีทั้ง AI และบล็อกเชน Web 3.0 มีอะไรที่เราต้องรู้และอะไรที่ต้องปรับตัว?

โลกกำลังหมุนไปอย่างรวดเร็ว สิ่งใหม่และเทรนด์เกิดขึ้นและเข้ามาแบบรายวัน ไม่ว่าจะเป็น AI นวัตกรรมใหม่ๆ Web 3.0 หรือเทคโนโลยีแห่งอนาคต

HIGHLIGHTS

  • การใช้ AI ให้ได้ศักยภาพสูงสุด จะต้องสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา และมีการมอบข้อมูลหรือบริบทให้ได้มากที่สุดให้กับ AI เพื่อให้คาดการณ์ได้ดีที่สุดออกมา
  • ค่าเฉลี่ยกว่า 55.55% ของทั้งโลกใช้ AI ในการทำงาน ชีวิต และธุรกิจ
  • สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในหลายที่ทั่วโลก มีการตั้งกองทุน ETF ในหลากหลายที่ และมีการปรับใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในหลายบริษัทยักษ์ใหญ่
  • ระบบบล็อกเชนเป็นที่ยอมรับ คุณภาพพัฒนามากขึ้น และมีการเชื่อมต่อกันในแต่ละเชน พร้อมสร้าง Deep Tech ใหม่ๆ ขึ้นมาบนโลก

โลกกำลังหมุนไปอย่างรวดเร็ว สิ่งใหม่และเทรนด์เกิดขึ้นและเข้ามาแบบรายวัน ไม่ว่าจะเป็น AI นวัตกรรมใหม่ๆ Web 3.0 หรือเทคโนโลยีแห่งอนาคต ที่ต้องเข้าใจและปรับตัวตาม เพื่อไม่ให้ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลังและสามารถหาโอกาสจากเทรนด์เหล่านั้นได้

ปรับวัฒนธรรมและแนวคิดเพื่อเปิดศักยภาพ AI

โลกของเราเกิดสิ่งที่เรียกว่า Rice and Wheat Culture ซึ่งแสดงถึงความแตกต่างของแนวคิดที่ส่งผลต่อการใช้ AI

  • Rice Culture หรือวัฒนธรรมของคนที่กินข้าว คนกลุ่มนี้มักสื่อสารแบบอ้อม สื่อสารกันไม่ตรงไปตรงมา
  • Wheat Culture กลุ่มที่กินข้าวสาลี จะสื่อสารแบบตรงไปตรงมาและชัดเจน

ในกลุ่มคนเอเชียเกือบทั้งหมดจะอยู่ในกลุ่ม Rice Culture สื่อสารแบบโดยนัย ปัญหานี้เกิดขึ้นกับการประยุกต์ใช้ AI ที่ต้องการ Prompt ข้อมูลแบบตรงไปตรงมา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและถูกต้องที่สุด ในปัจจุบัน AI ส่วนใหญ่ยังถูกสร้างจากฝั่ง Wheat Culture ทำให้คนเอเชีย หรือกลุ่ม Rice Culture ต้องปรับตัว เพื่อดึงเอาศักยภาพสูงสุดของ AI ออกมา แต่ในอนาคต AI ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกพัฒนาเพื่อให้เข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่าง เช่น การสร้าง LLM สำหรับเข้าใจภาษาที่เป็น Low-Resource

ดร.ธันวา อาภรณ์ทิพย์ Senior Tech Advisor, SCB 10X

โลกคือโลกที่ขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้

ในความเป็นจริงแล้ว โลกของเราเป็นโลกที่เรียกกันว่า Probabilistic World หรือโลกที่ขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ เช่น ผลของการแข่งขันของกีฬาที่ไม่สามารถออกมาชนะทีมเดิมได้ตลอด ผลผลิตการเกษตรที่อาจออกมาดีเกินคาดหรือแย่กว่าที่คำนวณไว้ หรือแม้แต่การพยากรณ์อากาศ

เกิดจากการคาดการณ์ การคาดคะเน หรือคำนวณหาความเป็นไปได้ ซึ่ง AI ก็เป็นสิ่งนั้น AI จะคำนวณจากข้อมูลที่ได้รับมาและประมวลหาความเป็นไปได้สูงสุด หรือใกล้เคียงที่สุดจากข้อมูลที่ได้รับ

นั่นเป็นสาเหตุที่ว่า การสื่อสารตรงไปตรงมาและการมอบข้อมูลให้ได้มากที่สุดให้ AI เพื่อให้คาดการณ์ได้ดีที่สุดคือสิ่งสำคัญ

AI คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว

ข้อมูลจากการสำรวจและทดลองยังพบอีกว่า เมื่อเรามอบบริบทให้กับ AI มากเท่าใด ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาจะยิ่งดียิ่งขึ้น รวมถึงการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา อาทิ การใส่อารมณ์เข้าไป ยิ่งเพิ่มผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น อาทิ การ Prompt ข้อมูลพร้อมบอกกับ AI ว่า “สิ่งนี้สำคัญต่อการงานของฉันอย่างมาก”

ปัจจุบันมีการปรับใช้ AI มากขึ้น โดยการสำรวจของ Oliver Wyman Forum ในค่าเฉลี่ยระดับโลก พบว่า 40% ใช้ AI อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ และ 15.55% ใช้ทุกวัน ทำให้เห็นว่ากว่า 55.55% ของทั้งโลก หรือก็คือครึ่งหนึ่ง ใช้ AI ในการทำงาน ชีวิต และธุรกิจ

การสำรวจจาก Harvard Business School รายงานว่า กว่า 40% พบว่า การใช้ AI ยังพัฒนาคุณภาพงานเพิ่มมากขึ้น และการสำรวจของ Statista เผยว่า ความคิดว่า AI คือสิ่งสำคัญในโลกธุรกิจเพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่อยู่ที่ 8% เป็น 43% ที่จะเกิดขึ้นในปี 2025

Web 3.0 บล็อกเชนกำลังเป็นที่ยอมรับมากขึ้น

Web 3.0 หรือบล็อกเชน นับได้ว่ากำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ทั่วโลกมีการปรับใช้มากขึ้น เหตุผลหนึ่งคือ บล็อกเชนต่างๆ มีการพัฒนามากขึ้น เวลาในการสร้างบล็อกที่เร็วขึ้นถึง 0.26 วินาที

ปริน เจียมอนันตพงศ์ Senior Software Engineer, SCB 10X

ในส่วนของสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Digital Assets ก็เป็นไปในทางที่ดีมากขึ้น รวมถึงการตอบรับใน Real-World Assets (RWAs) หรือการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ในโลกจริงให้เป็นรูปแบบดิจิทัล เช่น หุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาล หลากหลายประเทศมีการอนุมัติ Exchange-Traded Fund หรือ ETF ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นถึงการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และหลายประเทศในยุโรป สำหรับในประเทศไทยมีการเกิดกองทุน Bitcoin ETF เมื่อกลางปีที่ผ่านมา

บริษัทใหญ่อย่าง Mastercard, Nomura, PayPal และ Visa ก็มีการปรับนโยบายและออกแพลตฟอร์มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล

การทำธุรกรรมในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายเมื่อมีเครื่องมือใหม่ๆ เช่น CoW Swap เป็นโปรโตคอล DEX (Decentralized Exchange) จะช่วยให้ธุรกรรมระหว่างสินทรัพย์ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ปัจจุบันบล็อกเชนในแต่ละเชนมีการเชื่อมต่อ Interconnect กันมากขึ้น ไม่ได้แบ่งแยก การพัฒนา DApp บนเชนใหม่ๆ สามารถทำได้เพียงคัดลอกและทำซ้ำบนเชนใหม่ ดังนั้นนักพัฒนาต้องคำนึงถึงการสร้างโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ครบวงจรและซับซ้อนมากขึ้น (Intent-Based) และหันมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ส่งผลให้ความต้องการด้าน Deep Tech หรือเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อเข้ามาเป็นโซลูชันให้กับโลกของเรามากขึ้น ทำให้เกิดเทคโนโลยีที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ บนบล็อกเชนตามมา เช่น

  • Zero-Knowledge Proofs เป็นการ Proof ในระบบบล็อกเชนที่เราสามารถทำได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว แต่ก็ยืนยันได้ว่าเราสามารถ Proof ได้จริง สร้างความโปร่งใสและความเป็นส่วนตัวในเวลาเดียวกัน
  • Fully Homomorphic Encryption เป็นการคำนวณข้อมูลที่เข้ารหัสในบล็อกเชนอยู่ โดยไม่จำเป็นต้องแก้รหัสออกมา ทำให้สามารถประมวลข้อมูลที่เซนสิทีฟได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยออกมา
  • Delay Encryption ที่ช่วยให้การถอดรหัสบล็อกแล้วเปิดเผยออกมาเกิดขึ้นในเวลาที่กำหนดได้

ผู้เขียน:

THE STANDARD TEAM

More Insights for you

Stay up to date with our latest content

Our interested news more

Up to date with our interested news