Key Highlights
เราสามารถใช้ AI Agent ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานด้านต่างๆ ได้ หนึ่งในนั้นคืองานด้านการตลาด เช่น ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและการสร้างแคมเปญ ทำให้การทำงานสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ช่วยลดงาน Manual และเพิ่มความแม่นยำในการทำงานยิ่งขึ้น
- การตัดสินใจสร้างหรือซื้อ AI Agent นั้นควรคำนึงถึงต้นทุน และทรัพยากรที่องค์กรมี หากเป็นองค์กรใหญ่อาจสร้างเองได้ง่าย แต่สำหรับองค์กรขนาดเล็ก การซื้อเครื่องมือสำเร็จรูปอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนมากกว่า
- เมื่อ AI Agent กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกการทำงาน เราต้องไม่หยุด Upskill และ Reskill เพื่อพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ใช้เทคโนโลยีได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ใช่เป็นฝ่ายโดนเทคโนโลยีใช้งาน และเมื่อนั้นเราจะไม่กังวลว่าจะตกงานอีกต่อไป
งาน SCBX Unlocking AI Ep.12 – Agentic AI: A New Era of Autonomy ส่งท้ายการเสวนาด้วยการรวมตัวผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จากองค์กรขนาดใหญ่ และองค์กรสตาร์ทอัป มาร่วมแลกเปลี่ยนและถกเถียงกันภายใต้หัวข้อ Unlocking AI Agents: Applications and Adoption โดยมี คุณอมฤต เจริญพันธ์ APAC Partner จาก INNOVERA AI เข้าร่วมชวนพูดคุย เพื่อค้นหาว่าการจะใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง AI Agent หรือ Agentic AI ให้เต็มประสิทธิภาพที่สุดนั้น เราจะใช้งานมันอย่างไรได้บ้าง
สำหรับใครที่พลาดการเสวนาครั้งนี้ไป SCBX ขอสรุปสาระสำคัญมาฝากกันดังนี้
Panelists:
1. ดร.ทุตานนท์ สินธุประสิทธิ์ R&D and Innovationa Lab Lead จาก SCBX
2. คุณจิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ President of Martech Association Thailand
3. คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร Chief Customer Officer จาก SCBX
4. คุณอมฤต เจริญพันธ์ APAC Partner จาก INNOVERA AI (Moderator)
AI Agent กับประโยชน์ในงานการตลาด
หนึ่งในมุมมองที่น่าสนใจจากการเสวนาคือ เราเห็นการนำ AI Agent มาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ มากมาย เช่น ด้าน HR ด้านการบริการลูกค้า แต่อาจยังไม่เคยเห็นการใช้ประโยชน์จากด้านการตลาดเท่าไหร่ ทำให้เกิดคำถามว่าจริงๆ แล้วเราสามารถนำ AI Agent มาใช้ประโยชน์ด้านนี้ได้จริงหรือไม่
คุณจิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ President of Martech Association Thailand ตอบเลยว่านำมาใช้ได้แน่นอน AI สามารถช่วยให้ทำงานการตลาดได้ง่ายขึ้นมาก จากแต่ก่อนมีหลายขั้นตอนที่ต้องทำงานแบบ Manual โดยเฉพาะการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและการสร้างแคมเปญที่มีประสิทธิภาพ แต่การมาของ Agentic AI ช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น สามารถจัดกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น สร้าง Personalization ให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม และจัดทำแคมเปญต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
ดร.ทุตานนท์ สินธุประสิทธิ์ R&D and Innovationa Lab Lead จาก SCBX เสริมว่า AI Agent สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายและเร็วขึ้น ทำให้การสรุปข้อมูลบน Dashboard ในรูปแบบที่ซับซ้อนให้กลายเป็นเรื่องง่าย จากที่ผู้บริหารเคยต้องอ่านรายงานยาวๆ ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพึ่งพาข้อมูลแบบเก่าๆ อีกต่อไป
คำถามโลกแตก สร้าง AI Agent เองหรือซื้อใช้ดีกว่ากัน?
ทุกองค์กรที่อยากมี AI เก่งๆ ล้ำๆ มาใช้งาน จะต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญเสมอนั่นคือ เราควรพัฒนามันขึ้นมาเอง หรือใช้บริการผลิตภัณฑ์ของคนอื่นแล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมดี
หากเป็นผลิตภัณฑ์ชื่อว่า AI Agent ล่ะก็ ดร.ทุตานนท์ตอบในมุมของเขาว่า ถ้าใครสามารถพัฒนามันในองค์กรของตัวเองได้ล่ะก็ ก็อาจต้องพัฒนาเอง แม้มันจะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่จะช่วยเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถนำเทคโนโลยีนั้นมาใช้ได้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเองมากกว่าซื้อของคนอื่นมาใช้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่องค์กรต้องพิจารณาด้วยก็คือ หากจะเอา AI Agent มาช่วยทำงานที่ไม่ซับซ้อน การซื้อเครื่องมือที่มีอยู่แล้วก็เป็นทางเลือกที่ดีมากกว่า เพราะช่วยประหยัดเวลา และประหยัดเงินทุนได้มากกว่า
คุณจิตติพงศ์ เสริมในมุมของคนทำงานองค์กรสตาร์ทอัปว่า การซื้อเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วมาใช้มีประโยชน์ต่อสตาร์ทอัปมากกว่า เพราะอย่าลืมว่า การสร้าง Agent ขึ้นมาเองต้องใช้ทักษะและทรัพยากรจำนวนมาก ซึ่งอาจมากเกินกว่ากำลังที่องค์กรขนาดเล็กจะทำได้ และหากองค์กรเหล่านี้มัวแต่ทุ่มเทกับการประดิษฐ์เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับองค์กร ก็อาจทำให้คนทำงานไม่ได้โฟกัสสิ่งที่สำคัญกว่า เช่น การให้บริการลูกค้าและการเติบโตของธุรกิจอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
อยากลงทุนใน AI Agent อย่าลืมคิดถึงประโยชน์ที่องค์กรได้รับ
นอกจากการถามตัวเองว่า เราควรซื้อ AI Agent มาใช้ หรือพัฒนามันขึ้นมาเองดี อีกสิ่งที่ผู้เข้าร่วมเสวนาได้แลกเปลี่ยนและชูว่าเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องคิดเหมือนกันก็คือ อย่าลืมพิจารณาถึงประโยชน์ต่อธุรกิจด้วย
คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร Chief Customer Officer จาก SCBX มองว่าตามปกติแล้วการตัดสินใจลงทุนใน AI Agent ควรพิจารณาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ เมื่อลงทุนเอามันมาใช้งานแล้ว มันช่วยเพิ่มรายได้ เพิ่มการเติบโตให้กับธุรกิจ และช่วยลดต้นทุนให้กับองค์กรได้มากน้อยเพียงใด สำหรับ SCBX หากโปรเจกต์ที่เสนอสามารถทำสองสิ่งนี้ได้ องค์กรก็ย่อมมีแนวโน้มที่จะยอมรับการลงทุน
อย่างไรก็ตาม คุณสุธีรพันธ์เสริมอีกว่ายังมีมิติอื่นๆ ที่ต้องคำนึงคือเรื่องความปลอดภัย และความเสี่ยงหากใช้หรือไม่ใช่งานมัน เช่น หากการใช้ AI Agent ช่วยป้องกันความเสี่ยงที่ข้อมูลจะรั่วไหลได้ ทำให้คนทำงานนอนหลับฝันดี ไม่ต้องมากังวลว่าระบบองค์กรจะโดนแฮก ก็ยิ่งเป็นเหตุผลที่ควรพิจารณาใช้งานมัน
ขณะที่ดร.ทุตานนท์ กล่าวว่า AI Agent เป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่ามีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา องค์กรก็ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย เพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือกับเทคโนโลยีที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น หากในอนาคตเกิด Quantum Computing ที่สามารถใช้งานจริงได้อย่างแพร่หลาย มันจะกระทบกับการใช้ AI Agent หรือไม่อย่างไร หากคิดและวางแผนไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันและเติบโตได้ในยุคดิจิทัลแน่นอน
เตรียมตัวอย่างไรเมื่อ AI Agent กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนโลก?
สุดท้าย คุณอมฤตตั้งคำถามชวนคิดว่า ทุกครั้งที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้น ผู้คนก็จะตื่นกลัวว่าจะตกงานเสมอ เราควรทำอย่างไรจึงจะไม่ถูกปัญญาประดิษฐ์แย่งงานไป
หากถึงวันที่ AI Agent ใช้งานได้อย่างแพร่หลายมากขึ้นจริงๆ คุณสุธีรพันธุ์แนะนำว่าหนึ่งในทางออกคือการที่เรา ถ้าคุณเชี่ยวชาญเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คุณก็สามารถพัฒนา AI Agent ขึ้นมาเองได้เลย เพราะคนทำงานแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญคนละด้านไม่เหมือนกัน การชิงเป็นผู้พัฒนามันขึ้นมาช่วยใช้งานเอง จะเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานได้ ช่วยให้แทนที่จะเสียเวลากับงานรูทีน จะมีเวลาทำงานเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น
ส่วน ดร.ทุตานนท์ เน้นว่า สิ่งที่ทุกคนทำได้ตั้งแต่ตอนนี้ก็คือการ Upskill และ Reskill ตลอดเวลา เพื่อจะได้เป็นคนใช้เครื่องมือนั้นทำงาน ไม่ใช่ให้เครื่องมือนั้นใช้งานเรา ถ้าเรามีฝีมือพอ และถ้าเรารู้ว่าคุณค่าในงานที่เราทำอยู่ตรงไหน รู้เรื่องที่ไม่มีคนในอาชีพอื่น หรือแม้กระทั่งคนในอาชีพเดียวกันที่รู้ มันจะช่วยปกป้องเราจากการตกงานได้แน่นอน
ผู้เขียน:
